วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์


วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows XPวิธีกู้ Windows XP แบบไม่ต้องลงใหม่ 

        ถ้าวินโดวส์มีป้ญหาไม่สามารถบู๊ตขึ้นภาพ Windows XP คุณๆจะมีวิธีของตนเอง เช่น เอาไฟล์ที่ ghost ไว้มาใช้ แต่ก็ปัญหาคือ ไฟล์ที่ได้ไม่ใช่ข้อมูลปัจุบัน หรือ format ลงวินโดวส์ใหม่ชึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยต้องลงโปรแกรมใหม่เป็นสิบตัว ยังต้องเสียเวลา Crack อีก ข้อมูลที่คุณทำไว้ก็หายหมด มีวิธีการกู้แบบง่ายๆ ไปหาวิธีแบบยาก แล้วแต่เหตุการณ์ และสาเหตุ ซึ่งจะมีเทคนิคดังนี้

เทคนิคที่ 1 กู้แบบง่ายๆ
   -สาเหตุ : ปกติคุณๆ มักชอบติดตั้งโปรแกรมใหม่ๆ เพิ่มเติม ผลปรากฎว่าเมื่อติดตั้งแล้วพอบู๊ตใหม่กลับบู๊ตไม่ขึ้นสาเหตุอาจมาจากโปรแกรมที่ติดใหม่ ติดตั้งไฟล์ระบบตัวเก่าทับตัวใหม่ ทำให้วินโดวส์ไม่รู้จักไฟล์ระบบ เลยทำให้เกิดหน้าจอดำค้างไม่บู๊ตเข้าหน้าจอเดสก์ทอป
   -วิธีแก้ไข : อาจจะใช้วิธี System Restore ใน Safe Mode โดยกดปุ่ม F8 ค้างไว้ ขณะบู๊ตเครื่องใหม่ แล้วเลือกไปที่หัวข้อ Safet Mode กู้วันที่ย้อนหลังครั้งล่าสุดที่ไม่ได้ติดตั้งโปรแกรม ก็จะกู้ระบบครั้งล่าสุดให้ทันที ทำให้บู๊ตเข้าวินโดว์ส ได้ตามเดิม

เทคนิคที่ 2 ซ่อมวินโดวส์ ด้วยแผ่นบู๊ต Boot CD Rom
   -สาเหตุ : ปัญหานี้ส่วนใหญ่ สืบเนื่องจากการติดตั้ง Patch file ตัวใหม่ๆ แล้วไม่สามารถรองรับไฟล์ระบบของวินโดวส์หรือก็อปปี๊ไ ฟล์ .dll, .vdx, .inf ผิดเวอร์ชั่น หรือเผลอลบไฟล์ระบบบางตัว ก็เป็นสาเหตุได้ ฉะนั้นหากแก้ด้วยวิธีที 1,2 ไม่หาย ก็ต้องใช้วิธีที่ 3 ซ่อมแซมไฟล์ระบบใหม่ แทนที่จะเสียเวลาติดตั้งใหม่ วิธีนี้ก็จะช่วยย่นเวลาให้น้อยลง
   -วิธีแก้ไข : เตรียมแผ่นบู๊ต CD Windows (แผ่นติดตั้งวินโดวส์) ใส่ใน CD-ROM แล้วบู๊ตเครื่องใหม่ จากนั้นทำตามขั้นตอนต่อไปนี้



1.เมื่อเข้าหน้าจอ Windows to Setup หน้าแรก ให้คุณกด Enter ผ่านขั้นตอนนี้ไป



2.จากนั้นก็จะเข้าหน้าจอ windows XP Lincesing Agreement หน้าที่สอง กดปุ่ม F8 เพื่อยอมรับการติดตั้งใหม่



3.เมื่อเข้าหน้าจอการติดตั้ง Windows XP เลือกไดรฟ์ที่ติดตั้งแล้วกดตัว R เพื่อซ่อมแซ่มไฟล์ที่สูญหายให้กลับคืนมาดังเดิม เมือเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรมต่างๆที่ติดตั้งไปก็ยังคงใช้ได้เหมือนเดิมไม่ต้องติดตั้งใหม่ให้เสียเวลา
        สำหรับผู้ที่ใช้ Harddisk แบบ SATA ในตอนบู๊ตแผ่นติดตั้ง Windows ให้กด F6 เพื่อติดตั้งไดรว์เวอร์ SATA ก่อนเข้าขั้นตอนที่ 1 ด้วย ไม่เช่นนั้นวินโดวส์จะมองไม่เห็น Harddisk


วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows Vista

ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ คืออะไร       
        'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' คือ เครื่องมือการกู้คืนของ Windows ที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาบางอย่าง เช่น แฟ้มระบบที่สูญหายหรือเสียหาย ซึ่งอาจป้องกันไม่ให้ Windows เริ่มอย่างถูกต้องได้ เมื่อคุณเรียกใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' จะมีการสแกนคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อค้นหาปัญหาแล้วพยายามแก้ไขเพื่อให้คอมพิวเตอร์ของคุณเริ่มอย่างถูกต้อง
        ถ้าคุณประสบปัญหาขณะพยายามเรียกใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' หรือถ้าคอมพิวเตอร์ของคุณไม่มี 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ของคุณอาจเปลี่ยนแปลงหรือกำหนดเครื่องมือด้วยตนเอง ตรวจสอบข้อมูลที่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ของคุณหรือไปที่เว็บไซต์ของผู้ผลิต

สามารถใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ได้อย่างไร
        'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' จะอยู่บนเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' ซึ่งอยู่บนดิสก์การติดตั้ง Windows นอกจากนั้นอาจมีการติดตั้ง 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' บนฮาร์ดดิสก์ของคุณ ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณมีตัวเลือกการกู้คืนที่ได้ติดตั้งไว้ล่วงหน้า 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' อาจพร้อมท์ให้คุณเลือกในขณะพยายามแก้ไขปัญหา และถ้าจำเป็น อาจมีการเริ่มการทำงานคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่ในขณะทำการซ่อมแซม

หากคุณมีดิสก์การติดตั้ง Windows
  1. ใส่แผ่นดิสก์การติดตั้ง
  2. เริ่มการทำงานคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่คลิกปุ่ม เริ่ม คลิกที่ลูกศรถัดจากปุ่ม ล็อก แล้วคลิก เริ่มใหม่
  3. ถ้าได้รับการพร้อมท์ ให้กดแป้นใดๆ เพื่อเริ่มการทำงานของ Windows จากแผ่นดิสก์การติดตั้ง ถ้าคอมพิวเตอร์ไม่ถูกกำหนดค่าไว้ให้เริ่มทำงานจากซีดีหรือดีวีดี โปรดตรวจสอบข้อมูลที่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ของคุณ
  4. เลือกการตั้งค่าภาษาของคุณ แล้วคลิก ถัดไป
  5. คลิก ซ่อมแซมคอมพิวเตอร์ของคุณ
  6. เลือกระบบปฏิบัติการที่ต้องการซ่อมแซม แล้วคลิก ถัดไป
  7. บนเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' ให้คลิก ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ
หากคอมพิวเตอร์ของคุณมีตัวเลือกการกู้คืนที่ติดตั้งอยู่ก่อนแล้ว

  1. ให้เอาฟลอปปีดิสก์ ซีดี และดีวีดีทั้งหมดออกจากคอมพิวเตอร์ของคุณ แล้วเริ่มการทำงานคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่คลิกปุ่ม เริ่ม คลิกที่ลูกศรถัดจากปุ่ม ล็อก แล้วคลิก เริ่มใหม่
  2. เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้คือ

  • ถ้าคอมพิวเตอร์ของคุณติดตั้งระบบปฏิบัติการเพียงระบบเดียว ให้กดแป้น F8 ค้างไว้ ในขณะที่เครื่องเริ่มการทำงานใหม่ คุณต้องกด F8 ก่อนที่โลโก้ Windows จะปรากฏขึ้นมา ถ้าโลโก้ Windows ปรากฏขึ้นมา คุณจะต้องลองอีกครั้งโดยรอจนกระทั่งหน้าจอพร้อมท์เข้าสู่ระบบ Windows ปรากฏขึ้น แล้วจึงปิดเครื่องและเริ่มการทำงานของคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่
  • ถ้าคอมพิวเตอร์ของคุณมีระบบปฏิบัติการมากกว่าหนึ่งระบบ ให้ใช้แป้นลูกศรเพื่อเน้นที่ระบบปฏิบัติการที่คุณต้องการซ่อมแซม แล้วกดแป้น F8 ค้างไว้
 3.  บนหน้าจอ ตัวเลือกการเริ่มระบบขั้นสูง ให้ใช้แป้นลูกศรเพื่อเน้นที่       ซ่อมแซมคอมพิวเตอร์ของคุณ แล้วกด ENTER
 4.  เลือกรูปแบบแป้นพิมพ์ แล้วคลิก ถัดไป
 5.  เลือกชื่อผู้ใช้และป้อนรหัสผ่าน แล้วคลิก ตกลง
 6.  บนเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' ให้คลิก ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ

วิธีใช้งานโปรแกรมซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ที่มากับ Windows 7
ฉันจะใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ได้อย่างไร
        ถ้ามีการตรวจพบปัญหาการเริ่มต้นระบบ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' จะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติและจะพยายามแก้ไขปัญหานั้น
        ถ้าปัญหานั้นรุนแรงพอที่จะทำให้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ไม่สามารถเริ่มทำงานได้ด้วยตัวเอง และคุณไม่สามารถเข้าถึงเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' บนฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ของคุณได้ คุณสามารถที่จะไปยังเมนูและเริ่ม 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ได้โดยใช้แผ่นดิสก์การติดตั้ง Windows หรือดิสก์การซ่อมแซมระบบที่คุณสร้างก่อนหน้านี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ ตัวเลือกการกู้คืนระบบใน Windows 7 มีอะไรบ้าง


ตัวเลือกการกู้คืนระบบใน Windows มีอะไรบ้าง
        เมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' จะมีเครื่องมือหลายชนิด เช่น 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' ที่สามารถช่วยคุณกู้คืน Windows จากข้อผิดพลาดร้ายแรง ชุดเครื่องมือนี้จะอยู่ในฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ของคุณ และในแผ่นดิสก์การติดตั้ง Windows

หมายเหตุ
        คุณยังสามารถสร้างดิสก์การซ่อมแซมระบบที่มีเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ' สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ การสร้างดิสก์การซ่อมแซมระบบ
        หากคุณใช้แท็บเล็ตพีซีหรือคอมพิวเตอร์อื่นที่มีหน้าจอสัมผัส คุณอาจต้องเชื่อมต่อแป้นพิมพ์หรือเมาส์เพื่อใช้ 'ซ่อมแซมการเริ่มต้นระบบ' และเครื่องมืออื่นๆ ในเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ'
รูปภาพของเมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ'

เมนู 'ตัวเลือกการกู้คืนระบบ'

โปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ภาคสอง


วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย Hardware Mornitor

1. รันโปรแกรม Hardware Mornitor 
2. จะพบหน้าโปรแกรมตามรูป



3. ใช้สำหรับดูอุณหภูมิอุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์


วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย IsMyLcdOK
1. รันโปรแกรม IsMyLcdOK
2. จะพบหน้าโปรแกรมตามรูป
















3. เป็นการตรวจเช็ค DeadPixel

วิธีใช้งานโปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์ ด้วย Process Explorer
1. รันโปรแกรม Process Explorer
2. จะพบหน้าโปรแกรมตามรูป













3. เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการ ดูแลเครื่อง ตรวจสอบ การใช้งานของโปรเซส (Process) ต่างๆ ที่อยู่ใน เครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถใช้ตรวจสอบการทำงานของ ระบบปฏิบัติการ Windows ได้เป็นอย่างดี และ ละเอียดมากๆ จากไฟล์ DLL ที่มีอยู่ในเครื่องคุณ โดยไม่ส่งผลกระทบอะไรใดๆ ต่อการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์คุณ

การจัดการไวรัสซ่อนไฟล์ unhidden พร้อมดาวน์โหลด

งานเข้ากันเลยใช่มั้ย เพราะแค่เพลอเอาเฟลตไดรว์ตัวโปรด ไปเสียบคอมฯ ของเพื่อน หรือคอมของคนอื่นๆ แค่ครั้งเดียว กลับมาเปิดดูอีกที ไฟล์งานสำคัญๆ ของเราล่องหนไปหมด
อย่าตื่นตระหนกตกใจไป เพราะบางครั้งไฟล์ต่างๆ ที่อยู่ในเฟลตไดรว์จริงๆ แล้วอาจจะยังอยู่ดีก็เป็นได้ เพียงแต่ไอ้ไวรัสตัวป่าวมันบังอาจซ่อนไฟล์หรือโฟลเดอร์ของเราเท่านั้นเอง



Unhidden เป็นโปรแกรมเล็กๆ ที่จะกู้ชีวิตของคุณให้กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง วิธีการก้อง่ายๆ ครับ เมื่อได้ไฟล์มากแล้วก้อแตกไฟล์ออกมาก่อน จะได้ไฟล์ที่ชื่อว่า Unhidden v3.exe 
1. เสียบเฟลตไดรว์ของคุณ 
2. เปิดไฟล์ Unhidden v3.exe 
3. พิมพ์ตัวอักษรที่เป็นที่อยู่เฟลตไดรว์ เช่นว่า เฟลตไดรว์อยู่ที่ไดรว์ F:\ ก้อพิมตัว “F” แล้วก้อ Enter 
4. พิมพ์ “Y” แล้วตามด้วยกด “Enter” รอให้โปรแกรมทำงานจนเสร็จ 
5. เสร็จพิธีแล้ว ปิดโปรแกรมได้เลยครับ
ที่นี้ลองมาตรวจสอบดู  . . . ไฟล์/โฟลเดอร์ของเราก็กลับมาเหมือนเดิมแล้ว



วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2559

ระบบปฏิบัติการแห่งชาติของจีน


picchina2_jan14

แหล่งข่าวและที่มาภาพ:  http://thai.cri.cn/247/2014/01/21/123s217423.htm
วันที่ 15 มกราคมนี้ ระบบปฏิบัติการ COS (China Operating System) ที่ร่วมกันวิจัยและบุกเบิกโดยสถาบันวิจัยซอฟต์แวร์แห่งสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีนและบริษัทเทคโนโลยีเครือข่ายและการสื่อสารเหลียนถง เซี่ยงไฮ้ ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่กรุงปักกิ่ง โดยระบบนี้สามารถใช้ในคอมพิวเตอร์ส่วนตัว สมาร์ท โฟน กล่องรับสัญญาณ และ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนอัจฉริยะ ที่มีความได้เปรียบด้านหน้าจอคมชัด  ปลอดภัยและมีความเร็วสูง จะเปิดยุคใหม่แห่งอุปกรณ์อัจฉริยะของจีน  การเปิดตัวระบบปฏิบัติการ COS ครั้งนี้ เกิดขึ้นเพื่อทำลายการผูกขาดของซอฟต์แวร์พื้นฐานของต่างประเทศ เช่น แอปเปิล และ กูเกิลนำการบุกเบิกระบบปฏิบัติการที่จีนถือสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาและมีความเป็นจีน โดยสามารถรองรับการใช้งานโปรแกรมสำเร็จรูป(application programs) ได้มากกว่า 1 แสนรายการ
บทวิเคราะห์ข่าว
รัฐบาลจีนสนับสนุนระบบปฏิบัติการสัญชาติจีนที่เรียกว่า COS (China Operating System) หวังลดการพึ่งพาระบบปฏิบัติการแบรนด์นอกทั้งกูเกิล แอปเปิล และไมโครซอฟท์ ที่ผูกขาดตลาดจีนมานาน โดยต้องการให้ระบบปฏิบัติการจีนเป็นทางเลือกใหม่ดึงดูดผู้ใช้งานที่ต้องการอะไรใหม่ๆ กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันกับระบบปฏิบัติการอื่นของต่างประเทศ โดยเฉพาะไอโอเอส (iOS) และแอนดรอยด์ (Android) สมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการจีนคือ HTC   ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากไต้หวัน ล่าสุดทางเอชทีซีได้ออกมารายงานแล้วว่าทางบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการเปิดตัวและการพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการแห่งชาติของจีนชื่อ China Operating System (COS)แม้แต่น้อย และสิ่งที่เอชทีซีทำอยู่ในขณะนี้ก็คือผลิตสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ และสมาร์ทโฟนวินโดวส์โฟนเท่านั้น และไม่มีความสนใจใน ระบบปฏิบัติการแห่งชาติของจีนชื่อ China Operating System (COS) เลยแม้แต่น้อย เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับปัญหาทางการเมืองของหนึ่งจีน สองระบบหรือไม่ น่าติดตามกันต่อไป

วิธีการกู้ข้อมูลโดยการใช้งานโปรแกรม Recuva (ภาษาไทย)


เกิ่นนำกันหน่อย กับ โปรแกรมกู้ข้อมูล Recuva ซึ่งพัฒนาขึ้นมาให้ผู้ใช้งานได้มีโอกาสดาวน์โหลดมาใช้งานกันแบบฟรีๆ เป็นโปรแกรมสำหรับกู้ข้อมูลจากพื้นที่เก็บข้อมูลหลัก ไม่ว่าจะเป็น Harddisk (ฮาร์ดดิสก์)Flash Drive หรือ USB และอุปกรณ์ประเภทอื่นๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่รวมอุปกรณ์เก็บข้อมูลประเภท CD/DVD นะจ๊ะขั้นตอนแรกก็ดาวน์โหลดโปรแกรมกู้ข้อมูล Recuva มาติดตั้งกันก่อนเลย (Recuva รองรับภาษาไทยด้วย)
Download and Install Recuva Softwareเมื่อติดตั้งซอฟต์แวร์กู้ข้อมูลกันเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปเราก็เปิดโปรแกรมกู้ข้อมูล Recuva ขึ้นมากันเลย แล้วเราก็เลือกประเภทไฟล์ที่เราต้องการจะกู้คืนข้อมูล แนะนำให้เลือกให้ตรง เพราะว่าจะทำให้การกู้ข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการเลือก “ไฟล์ทั้งหมด” ในที่นี้เราจะยกตัวอย่างการกู้คืนไฟล์ประเภท “เพลง” ละกันนะ
Recuva Data Recovery File Select
จากนั้นเราก็จะเลือกที่อยู่ของไฟล์ที่เราลบไป หากจำไม่ได้ก็ให้เลือก “ฉันไม่แน่ใจ” แต่ถ้าจำที่อยู่ของไฟล์ได้ ก็จะช่วยให้โปรแกรมกู้ข้อมูลทำงานได้เร็วขึ้นอีกเช่นกัน ในที่นี้เราได้ทดสอบลบไฟล์จากถังขยะ จึงเลือกแบบ “ในถังขยะรีไซเคิล”
Recuva Select File Address
หลังจากนั้น โปรแกรม Recuva จะทำการ Scan หาไฟล์ที่ต้องการจะกู้คืนตามที่เราได้ตั้งค่าไว้โดยมีหน้าตาดังตัวอย่างรูปด่านล่างนี้
Recuva Data Recovery Processing
เมื่อทำการ Scan หาไฟล์เสร็จ จะขึ้นหน้าตาแบบนี้ ซึ่งก็เจอไฟล์ที่เราได้ทำการทดสอบลบจากถังขยะไปด้วย ให้เลือกที่ไฟล์ที่เราต้องการจะกู้ข้อมูล จากนั้นคลิกที่ “กู้คืน…” ที่มุมขวาด้านล่างตามรูปภาพประกอบ และเลือกที่อยู่ที่ต้องการจะบันทึกไฟล์ของคุณ จากนั้นจด “OK” ในที่นี้เราจะเก็บไฟล์ไว้หน้า Desktop นะจ๊ะ
Recuva Select File For Data Recovery
เมื่อเราทำการกด OK ไปแล้ว โปรแกรมก็จะเริ่มต้นประมวลผลข้อมูลและทำการกู้ข้อมูลให้เรา ซึ่งหากไม่ได้กู้หลายๆไฟล์หรือไฟล์ขนาดไม่ใหญ่ ก็จะกู้ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วมากๆ โดยจากตัวอย่างที่เรานำมาทดสอบกับโปรแกรม Recuva ก็คือการกู้ไฟล์เพลงกลับมานั่นเอง โดยมีความเร็วบอกดังรูปภาพด้านล่างนี้
Recuva Data Recovery Success
โปรแกรมกู้ข้อมูล Recuva ใช้เวลาในการกู้ไฟล์เพลงของเราไปเพียงแค่ 0.14 วินาทีเท่านั้น ซึ่งต้องยอมรับเลยว่า โปรแกรมกู้ข้อมูลตัวนี้ทั้งฟรี ทั้งดี และเร็วแบบสุดๆจริงๆ
สำหรับท่านใดที่มีปัญหาลบข้อมูลออกจากพื้นที่เก็บข้อมูลแล้วอยากจะได้ข้อมูลกลับคืนมา ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมกู้ข้อมูล Recuva ได้ที่เว็บไซต์ http://www.loadpai.com/download/recuva และขอขอบคุณทาง Loadpaiที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการกู้ข้อมูลที่ละเอียดมากๆ ซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้ใช้งานจริงๆ

โปรแกรมตรวจสอบคุณสมบัติคอมพิวเตอร์


CPU-Z Download

CPU-Z โปรแกรมวัดความเร็ว CPU
CPU-Z (โปรแกรม CPU-Z วัดดูความเร็ว CPU เครื่องคุณ) : สำหรับโปรแกรมนี้มีชื่อว่า โปรแกรม CPU-Z ถูกพัฒนาโดยทีมผู้พัฒนาชาวจีน มันถือเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมสามัญประจำเครื่องที่ทุกคนน่าจะมีติดไว้ เพราะเจ้าโปรแกรม CPU-Z นี้มีคุณสมบัติ รวมถึงค่าต่างๆ ทั้งฮารด์แวร์ โดยหน้าที่เมนหลักของมันคือ โปรแกรมวัดความเร็ว CPU หรือ หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ซึ่งถือเป็นหัวใจหลัก ที่สำคัญที่สุดของเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกๆ เครื่อง โดยโปรแกรมนี้นั้น มันถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในการ ตรวจสอบหน่วยประมวลผลกลางเท่านั้น เพื่อที่เราจะได้สามารถเลือกโปรแกรมต่างๆ มาใช้ หรือจะใช้ในการตัดสินใจเพิ่มอุปกรณ์ให้เข้าและทำงานรวมกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่เรามีอยู่อีกด้วย
เรียกได้ว่า ใครที่เป็นแอดมิน ดูแลระบบ (System Administrator) หรือ เปิดร้านคอม อยู่ก็ลองเอา CPU-Z ไปใช้ดู หรือใครที่ซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ ก็ควรลงเพื่อทดสอบเช่นกัน เพื่อป้องกันการถูกหลอกสเปค จากทางร้านคอมพิวเตอร์นั่นเอง โดยโปรแกรม CPU-Z เป็นโปรแกรมฟรีแวร์ ไม่ต้องติดตั้งก็สามารถเปิดโปรแกรม CPU-Z นี้ได้ สนับสนุนวินโดวส์ ทั้งแบบ 32 Bits และ 64 Bits และยังมีเวอร์ชั่นที่แบบไม่ต้องติดตั้งก่อนใช้งาน (Portable) อีกด้วยนะ
สำหรับ โปรแกรม CPU-Z จะทำให้คุณทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ สเปคคอมพิวเตอร์ ของคุณ อย่างเช่น ข้อมูลเกี่ยวกับซีพียู (CPU) เมนบอร์ด (Motherboard) หรือจะเป็น หน่วยความจำ (Memory - RAM) หรือจะเป็น ส่วนของกราฟฟิค (Display Card / Graphic Card) และระบบคอมพิวเตอร์ในส่วนอื่นๆ ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าโปรแกรม CPU-Z นี้มีประโยชน์มากๆ ครับ ดาวน์โหลด CPU-Z ติดเครื่องไว้ รับรองอุ่นใจ และคุณจะรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ของคุณอีกมากมายเลยทีเดียว

Changelog (สิ่งที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของโปรแกรม CPU-Z ในแต่ละรุ่น แต่ละเวอร์ชั่น)
โหลด CPU-Z ล่าสุด
เวอร์ชั่น 1.74
  1. ปรับปรุงความสามารถของ CPU Benchmark ให้ดีมากยิ่งขึ้น
  2. เพิ่มความสามารถในการตรวจหา eDRAM จาก Skylake CPU ซึ่งเป็นซีพียูรุ่นใหม่
  3. แก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากเวอร์ชั่นที่ผ่านๆ มา
เวอร์ชั่น 1.73
  1. มีโหมด eXtreme Overclock
  2. เพิ่มแท็บใหม่ "CPU Benchmark" เปรียบเทียบค่าที่ตรวจได้ กับค่าอื่นๆ เข้าไปในโปรแกรม
  3. เพิ่มการทำงานร่วมกับแคชแบบ L4
  4. สนับสนุนการทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 อย่างเต็มรูปแบบ
  5. แก้ไขข้อผิดพลาดอื่นๆ ที่เกิดขึ้นจากเวอร์ชั่นที่ผ่านๆ มา
เวอร์ชั่น 1.72
  1. สนับสนุนการทำงานร่วมกับ Intel Skylake และ Broadwell เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
  2. ปรับปรุงให้รองรับการทำงานกับ Windows 10 ได้อย่างเต็มรูปแบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เวอร์ชั่น 1.71
  1. เพิ่มการสนับสนุนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ
    1. AMD Athlon X2 450, Athlon X4 840 and Athlon X4 860K (Kaveri)
    2. AMD FX-8370, FX-8370E, FX-8320E (Vishera)
  2. ปรับปรุงการประมวณผลชิปเซต (chipset) Intel X99
  3. เพิ่มการสนับสนุนในระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows 10
  4. สนุนสนุนซีพียู Intel Core M แล้ว (เวอร์ชั่น 1.71.1)
  5. ปรับเปลี่ยนโลโก้โปรแกรมใหม่ (เวอร์ชั่น 1.71.1)
เวอร์ชั่น 1.70
  1. เพิ่มการสนับสนุนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ๆ
    1. Intel i7-5960X, i7-5930K, i7-5820K, i7-4790K, i5-4690K, Pentium G3258
  2. แก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น จากเวอร์ชั่นที่ผ่านมา
เวอร์ชั่น 1.69
  1. เพิ่มการสนับสนุนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ๆ มากขึ้น
    1. AMD A6-6420K, A4-6320, A4-4020.
    2. AMD Athlon 5350 & 5150, Sempron 3850 & 2650 Kabini.
    3. Intel Core i7-4770R และ Core i5-4570R Crystal Well.
เวอร์ชั่น 1.68
  1. เพิ่มความสามารถในการสนับสนุนซีพียูชิป จากอินเทล ในรุ่นต่างๆ มากมาย อาทิเช่น
    1. Intel i7-4790, i5-4690, i5-4590, i5-4460 (Haswell refresh)
    2. Intel Celeron Haswell (G1830, G1820)
    3. Intel serie 9 chipset (Z97).
  2. เพิ่มการสนับสนุซีพียูชิป จากค่าย เอเอ็มดี (AMD) ในอีกหลากรุ่น อย่าง
    1. AMD Kaveri APUs (A10-7850K, A10-7800, A10-7700K, A8-7600, A6-7400K, A4-7300).
  3. แก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในรุ่นที่ผ่านๆ มา
เวอร์ชั่น 1.67
  1. ปรับปรุงให้สามารถใช้งานได้กับซีพียูรุ่น Intel Core i7-4xxx MQ/MX และ Intel Silvermont
  2. แก้ไขข้อผิดพลาด (Bug) ที่เกิดขึ้นในรุ่นก่อนๆ ที่ผ่านมา
เวอร์ชั่น 1.66
  1. รองรับหน่วยประมวลผล Intel Xeon E5-2600 V2, Core i3-4xxx และ Core i7-3910K processors
  2. รองรับ Intel Ivy Bridge-E/EP/EX และ Intel Atom Bay Trail-T
  3. เพิ่มการเช็คคุณสมบัติในส่วนของ Microsoft Windows 8.1 (Windows Blue)
  4. รองรับหน่วยประมวลผล AMD Opteron ตระกูล 3200 และ 3300
  5. โปรแกรม CPU-Z เช็คตัวเองเมื่อมีการอัพเดตเวอร์ชั่นใหม่ๆ 

Note : ในส่วนของ โปรแกรม CPU-Z โปรแกรมนี้ ทางผู้พัฒนา โปรแกรม CPU-Z (Program Developer) เขาได้แจกให้ ทุกท่านได้นำไปใช้ในการ วัดความเร็ว ตรวจสอบความเร็วซีพียู กันแบบฟรีๆ (FREE) ท่าน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ นอกจากนี้แล้ว คุณยังสามารถติดต่อกับทาง ผู้พัฒนาโปรแกรม CPU-Z นี้ได้ผ่านทางช่องทางอีเมล์ (E-Mail) : pcwizard@cpuid.com (ภาษาอังกฤษ) ได้ทันทีเลย

ดาวน์โหลด CPU-Z
ภาพตัวอย่าง Screenshot การใช้งาน โปรแกรม CPU-Z

This program is called "CPU-Z". It is a freeware utility that gathers information on some of the main devices of your system. CPU-Z does not need to be installed, just unzip the files in a directory and run the .exe. In order to remove the program, just delete the files. The program does not copy any file in any Windows directory, nor write to the registry.

คลิปวีดีโอประกอบจาก Youtube.com

พลังงานแสงอาทิตย์หรือโซล่าเซล


 เซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Cell) เป็นสิ่งประดิษฐ์กรรมทางอิเลคทรอนิกส์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า โดยการนำสารกึ่งตัวนำ เช่น ซิลิกอน ซึ่งมีราคาถูกที่สุดและมีมากที่สุดบนพื้นโลกมาผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อผลิตให้เป็นแผ่นบางบริสุทธิ์ และทันทีที่แสงตกกระทบบนแผ่นเซลล์ รังสีของแสงที่มีัอนุภาคของพลังงานประกอบที่เรียกว่า โฟตอน (Proton) จะถ่ายเทพลังงานให้กับอิเล็กตรอน (Electron) ในสารกึ่งตัวนำจนมีพลังงานมากพอที่จะกระโดดออกมาจากแรงดึงดูดของอะตอม (atom) และเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ ดังนั้นเมื่ออิเล็กตรอนเคลื่อนที่ครบวงจรจะทำให้เกิดไฟฟ้ากระแสตรงขึ้น เมื่อพิจารณาลักษณะการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์พบว่า เซลล์แสงอาทิตย์จะมีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าสูงที่สุดในช่วงเวลากลางวัน ซึ่งสอดคล้องและเหมาะสมในการนำเซลล์แสงอาทิตย์มาใช้ผลิตไฟฟ้า เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าในช่วงเวลากลางวัน
การผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์มีจุดเด่นที่สำคัญ แตกต่างจากวิธีอื่นหลายประการ ดังต่อไปนี้
  1. ไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวในขณะใช้งาน จึงทำให้ไม่มีมลภาวะทางเสียง
  2. ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะเป็นพิษจากขบวนการผลิตไฟฟ้า
  3. มีการบำรุงรักษาน้อยมากและใช้งานแบบอัตโนมัติได้ง่าย
  4. ประสิทธิภาพคงที่ไม่ขึ้นกับขนาด
  5. สามารถผลิตเป็นแผงขนาดต่างๆ ได้ง่าย ทำให้สามารถผลิตได้ปริมาณมาก
  6. ผลิตไฟฟ้าได้แม้มีแสงแดดอ่อนหรือมีเมฆ
  7. เป็นการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้มาฟรีและมีไม่สิ้นสุด
  8. ผลิตไฟฟ้าได้ทุกมุมโลกแม้บนเกาะเล็กๆ กลางทะเล บนยอดเขาสูง และในอวกาศ
  9. ได้พลังงานไฟฟ้าโดยตรงซึ่งเป็นพลังงานที่นำมาใช้ได้สะดวกที่สุด
ดังนั้น ไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์จึงเป็นความหวังของคนทั่วโลก ในศตวรรษที่ 21 ที่จะมาถึงในอีกไม่นาน
ประวัติความเป็นมาของเซลล์แสงอาทิตย์
       เซลล์แสงอาทิตย์ถูกสร้างขึ้นมาครั้งแรกในปี ค.ศ. 1954 (พ.ศ. 2497) โดย แชปปิน (Chapin) ฟูลเลอร์ (Fuller) และเพียสัน (Pearson) แห่งเบลล์เทลเลโฟน (Bell Telephon) โดยทั้ง 3 ท่านนี้ได้ค้นพบเทคโนโลยีการสร้างรอยต่อ พี-เอ็น (P-N) แบบใหม่ โดยวิธีการแพร่สารเข้าไปในผลึกของซิลิกอน จนได้เซลล์แสงอาทิตย์อันแรกของโลก ซึ่งมีประสิทธิภาพเพียง 6% ซึ่งปัจจุบันนี้เซลล์แสงอาทิตย์ได้ถูกพัฒนาขึ้นจนมีประสิทธิภาพสูงกว่า 15% แล้ว ในระยะแรกเซลล์แสงอาทิตย์ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับโครงการด้านอวกาศ ดาวเทียมหรือยานอวกาศที่ส่งจากพื้นโลกไปโคจรในอวกาศ ก็ใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์เป็นแหล่งกำเนิดพลังไฟฟ้า ต่อมาจึงได้มีการนำเอาแผงเซลล์แสงอาทิตย์มาใช้บนพื้นโลกเช่นในปัจจุบันนี้ เซลล์แสงอาทิตย์ในยุคแรกๆ ส่วนใหญ่จะมีสีเทาดำ แต่ในปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาให้เซลล์แสงอาทิตย์มีสีต่างๆ กันไป เช่น แดง น้ำเงิน เขียว ทอง เป็นต้น เพื่อความสวยงาม
ประเภทของ " เซลล์แสงอาทิตย์ "เซลล์แสงอาทิตย์ที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
  1. กลุ่ม เซลล์แสงอาทิตย์ที่ทำจากสารกึ่งตัวนำประเภทซิลิคอน จะแบ่งตามลักษณะของผลึกที่เกิดขึ้น คือ แบบที่เป็น รูปผลึก ( Crystal ) และแบบที่ไม่เป็นรูปผลึก (Amorphous) แบบที่เป็นรูปผลึก จะแบ่งออกเป็น2 ชนิด คือ ชนิดผลึกเดี่ยวซิลิคอน ( Single Crystalline Silicon Solar Cell) และ ชนิดผลึกรวมซิลิคอน ( Poly Crystalline Silicon Solar Cell) แบบที่ไม่เป็นรูปผลึก คือ ชนิดฟิล์มบางอะมอร์ฟัสซิลิคอน ( Amorphous Silicon Solar Cell)
  2. กลุ่มเซลล์แสงอาทิตย์ที่ทำจากสารประกอบที่ไม่ใช่ซิลิคอน ซึ่งประเภทนี้ จะเป็นเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 25% ขึ้นไป แต่มีราคาสูงมาก ไม่นิยมนำมาใช้บนพื้นโลก จึงใช้งานสำหรับดาวเทียมและระบบรวมแสงเป็นส่วนใหญ่ แต่การพัฒนาขบวนการผลิตสมัยใหม่จะทำให้มีราคาถูกลง และนำมาใช้มากขึ้นในอนาคต ( ปัจจุบันนำมาใช้เพียง 7 % ของปริมาณที่มีใช้ทั้งหมด)
การผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์การผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ แบ่งออกเป็น 3 ระบบ คือ การผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์แบบอิสระ (PV Stand alone system)      เป็นระบบผลิตไฟฟ้าที่ได้รับการออกแบบสำหรับใช้งานในพื้นที่ชนบทที่ไม่มีระบบสายส่งไฟฟ้า อุปกรณ์ระบบที่สำคัญประกอบด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ อุปกรณ์ควบคุมการประจุแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์เปลี่ยนระบบไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับแบบอิสระ
การผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์แบบต่อกับระบบจำหน่าย (PV Grid connected system)      เป็นระบบผลิตไฟฟ้าที่ถูกออกแบบสำหรับผลิตไฟฟ้าผ่านอุปกรณ์เปลี่ยนระบบไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ เข้าสู่ระบบสายส่งไฟฟ้าโดยตรง ใช้ผลิตไฟฟ้าในเขตเมือง หรือพื้นที่ที่มีระบบจำหน่ายไฟฟ้าเข้าถึง อุปกรณ์ระบบที่สำคัญประกอบด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ อุปกรณ์เปลี่ยนระบบไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับชนิดต่อกับระบบจำหน่ายไฟฟ้า
 การผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์แบบผสมผสาน (PV Hybrid system)
       เป็นระบบผลิตไฟฟ้าที่ถูกออกแบบสำหรับทำงานร่วมกับอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าอื่นๆ เช่น ระบบเซลล์แสงอาทิตย์กับพลังงานลม และเครื่องยนต์ดีเซล ระบบเซลล์แสงอาทิตย์กับพลังงานลม และไฟฟ้าพลังน้ำ เป็นต้น โดยรูปแบบระบบจะขึ้นอยู่กับการออกแบบตามวัตถุประสงค์โครงการเป็นกรณีเฉพาะ
คุณสมบัติและตัวแปรที่สำคัญของเซลล์แสงอาทิตย์       ตัวแปรที่สำคัญที่มีส่วนทำให้เซลล์แสงอาทิตย์มีประสิทธิภาพการทำงานในแต่ละพื้นที่ต่างกัน และมีความสำคัญในการพิจารณานำไปใช้ในแต่ละพื้นที่ ตลอดจนการนำไปคำนวณระบบหรือคำนวณจำนวนแผงแสงอาทิตย์ที่ต้องใช้ในแต่ละพื้นที่ มีดังนี้
1. ความเข้มของแสง       กระแสไฟ (Current) จะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับความเข้มของแสง หมายความว่าเมื่อความเข้มของแสงสูง กระแสที่ได้จากเซลล์แสงอาทิตย์ก็จะสูงขึ้น ในขณะที่แรงดันไฟฟ้าหรือโวลต์แทบจะไม่แปรไปตามความเข้มของแสงมากนัก ความเข้มของแสงที่ใช้วัดเป็นมาตรฐานคือ ความเข้มของแสงที่วัดบนพื้นโลกในสภาพอากาศปลอดโปร่ง ปราศจากเมฆหมอกและวัดที่ระดับน้ำทะเลในสภาพที่แสงอาทิตย์ตั้งฉากกับพื้นโลก ซึ่งความเข้ม ของแสงจะมีค่าเท่ากับ 100 mW ต่อ ตร.ซม. หรือ 1,000 W ต่อ ตร.เมตร ซึ่งมีค่าเท่ากับ AM 1.5 (Air Mass 1.5) และถ้าแสงอาทิตย์ทำมุม 60 องศากับพื้นโลกความเข้มของแสง จะมีค่าเท่ากับประมาณ 75 mW ต่อ ตร.ซม. หรือ 750 W ต่อ ตร.เมตร ซึ่งมีค่าเท่ากับ AM2 กรณีของแผงเซลล์แสงอาทิตย์นั้นจะใช้ค่า AM 1.5 เป็นมาตรฐานในการวัดประสิทธิภาพของแผง
2. อุณหภูมิ       กระแสไฟ (Current) จะไม่แปรตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป ในขณะที่แรงดันไฟฟ้า (โวลท์) จะลดลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วทุกๆ 1 องศาที่เพิ่มขึ้น จะทำให้แรงดันไฟฟ้าลดลง 0.5% และในกรณีของแผงเซลล์แสงอาทิตย์มาตรฐานที่ใช้กำหนดประสิทธิภาพของแผงแสงอาทิตย์คือ ณ อุณหภูมิ 25 องศา C เช่น กำหนดไว้ว่าแผงแสงอาทิตย์มีแรงดันไฟฟ้าที่วงจรเปิด (Open Circuit Voltage หรือ V oc) ที่ 21 V ณ อุณหภูมิ 25 องศา C ก็จะหมายความว่า แรงดันไฟฟ้าที่จะได้จากแผงแสงอาทิตย์ เมื่อยังไม่ได้ต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้า ณ อุณหภูมิ 25 องศา C จะเท่ากับ 21 V ถ้าอุณหภูมิสูงกว่า 25 องศา C เช่น อุณหภูมิ 30 องศา C จะทำให้แรงดันไฟฟ้าของแผงแสงอาทิตย์ลดลง 2.5% (0.5% x 5 องศา C) นั่นคือ แรงดันของแผงแสงอาทิตย์ที่ V oc จะลดลง 0.525 V (21 V x 2.5%) เหลือเพียง 20.475 V (21V
แหล่งที่มา
http://guru.sanook.com/6613/