วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ประเภทและชนิดของเกมส์

ประเภทและชนิดของเกมมีดังนี้

เกมออนไลน์ Online Game
 เกมผ่านเว็บ
 Flash Game
 เกมแบบใช้โปรแกรมทำงานผ่านเว็บโดยไม่ไม่ติดตั้ง
 Game Program ใช้โปรแกรมติดตั้งก่อนเล่น
 3D Game เช่น ปังย่า, เคาเตอร์
 เกมไม่ออนไลน์ Off Line Game
 Game computer 3D
 DVD Game Install
 Small Game เช่น Pinball ,เกมยิงลูกแก้ว
 Game Console
 Portable Game เช่น PSP, Game Boy
1.เกมเลียนแบบหรือการจำลอง (Simulation Games) เช่น SIMS ซึ่งเป็นเกมที่พยายามเลียนแบบเหตุการณ์จริง เพื่อพัฒนาทักษะของผู้เล่น เช่น การฝึกบินจำลอง การขับรถจำลอง ตัวอย่างเกมประเภทนี้ คือ Flight SIM
2.เกมแอคชั่นแบบ FPS(Action First Person Shooters Games) เป็นเกมยิงปืนที่ผู้เล่นเป็นตัวเอกไล่ยิงผู้ร้าย ไปจนถึงสัตว์ประหลาดต่าง ๆ ตามระดับการเล่น มีทั้งเล่นแบบคนเดียวและเล่นเป็นกลุ่ม ตัวอย่างเกมประเภทนี้ได้แก่ Doom,Half-Life,Quake III
3.เกมผจญภัย (Adventure Games) มีวัตถุประสงค์ของเกมเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จในดินแดนที่สร้างขึ้น ต้องแก้ไขปัญหาหรือหาสิ่งจำเป็นในระดับของเกมที่แตกต่างกันไป เช่น หากุญแจเพื่อไขเปิดห้องลับเพื่อไปหยิบอาวุธ เกมประเภทนี้ได้แก่ Myst ,Zelda
4.เกม RPG (Role-Playing) เป็นเกมที่ผู้เล่นสามารถสร้างหรือเลือก character ของตัวละครให้ตรงกับความชอบของตัวเอง แล้วเล่นไปตามเนื้อเรื่องของเกม ตัวอย่างเกมประเภทนี้ ได้แก่ Racknaroc,Diablo II
5.เกมต่อสู้ (Fighting Game) เป็นเกมต่อสู้กันโดยมีตัวละครต่อสู้กันแบบตัวต่อตัว ด้วยเทคนิคการต่อสู้เฉพาะตัว ตัวอย่างเกมประเภทนี้ ได้แก่ Mortal Kombat,Boxing
6.เกมวางแผน (Strategy Games) เกมที่ใช้ความคิด นำกลยุทธ์มาใช้เพื่อเอาชนะ เกมมีเรื่องราวเป็นนิทาน หรือตำนาน มีตัวละครนำและการผูกเรื่องเข้ากับการต่อสู้และวางแผนในเกม ตัวอย่างเกมประเภทนี้ ได้แก่ checkers,Age of Mythology
7.เกมปริศนา (Puzzle Game) เกมแก้ปัญหาให้ลุล่วงตามจุดประสงค์หลักของเกม เช่น Tetris(เกมตัวต่อ นั่นเอง)
8.เกมกีฬาและการแข่งขัน (Sport & Racing Games) วัตถุประสงค์ของเกมเพื่อการเป็นที่หนึ่งของการแข่งขัน เช่น แข่งรถ แข่งฟุตบอล เช่น FIFA Soccer
9.เกมการศึกษา วัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ความรู้และความเพลิดเพลิน


ผลกระทบที่เกิดจากเกมในด้านสังคมและผลกระทบที่เกิดจากเกมในด้านของผู้เล่น

แม้ว่าเกมส์ออนไลน์จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและได้รับความนิยมมาก่อนหน้านี้สัก 2-3 ปีมานี้แล้วแต่ในปี 2547 ดูเหมือนประเด็นนี้กลายเป็นประเด็กที่มีการกล่าวขวัญถึงไม่น้อยโดยเฉพาะในแวดวงเด็กและเยาวชน เกมชนิดนี้เริ่มระบาดลุกลามจนยากจะยับยั้ง จนเกิดภาวะ “เด็กติดเกม” ประเภทไม่ยอมทำอะไรนอกจากเล่นเกมออนไลน์ไปวันๆ หรือเด็กหนีเรียนไปเล่นเกมจนถึงผลกระทบต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ สุดท้ายมันก็กลายเป็นปัญหา เช่น เด็กก้าวร้าวรุนแรงและหมกมุ่นในเรื่องเพศ เป็นต้น
ในปี 2547 นี่เองที่ได้มีความพยายามจากองค์กรต่าง ๆ ในการทำวิจัยถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากการเล่นเกมออนไลน์ โดยการวิจัยชิ้นหนึ่งได้เปิดเผยว่าเด็กที่มีพฤติกรรมการติดเกมออนไลน์หรือเกมคอมพิวเตอร์วันละ 3 ชั่วโมงติดต่อกันเป็นเวลา 15 สัปดาห์จะส่งผลให้เกิดการเสพติดเกมเช่นเดียวกับยาเสพติดเนื่องจากผู้ติดเกมจะมีการหลั่งสารชนิดเดียวกับแอมเฟตามีนที่ผู้ติดยาเสพติดหลั่งออกมาโดยมีสาเหตุจากการมีพฤติกรรมซ้ำ ๆ นั่นเอง ความรุนแรงของการเสพติดเกมสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะเริ่มติดเด็กจะใช้เวลากับการเล่นเกมมากกว่าการทำกิจกรรมอื่นๆ ส่วนระยะที่ 2 คือ
เด็กเริ่มมีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับครอบครัว ใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับการเล่นเกมและระยะสุดท้ายซึ่งเป็นระยะร้ายแรง คือ เด็กจะติดเกมเหมือนติดยาเสพติด ไม่ยอมทานอาหาร ไม่เรียนหนังสือและขาดความสัมพันธ์กับบุคคลในครอบครัว ซึ่งหากถึงระยะนี้แล้วผู้ปกครองคงต้องเร่งให้ความช่วยเหลือพร้อมนำบุตรหลานไปพบจิตแพทย์เป็นการด่วนเสียแล้วนอกจากผลกระทบทางด้านสุขภาพกายแล้ว ในเรื่องของจิตใจและอารมณ์ก็นับว่ามีผลไม่น้อยเนื่องจากเกมออนไลน์ส่วนใหญ่มีภาพของความรุนแรง เพราะช่วยสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้เล่นได้มากขึ้น เช่น เกมสงคราม เกมการต่อสู้ การใช้เล่ห์เหลี่ยม รวมไปถึงความรุนแรงทางเพศ เป็นต้น
ด้วยเหตุเหล่านี้นี่เองจึงทำให้เกิดกรณีหนึ่งที่ปรากฏในหน้าข่าวหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งที่คุณแม่ท่านหนึ่ง ล่ามโซ่ลูกชายเอาไว้ เนื่องจากลูกชายชอบหนีเรียนไปเล่นเกมออนไลน์ จนกลายเป็นข่าวขึ้นมา
นี่ก็เป็นวิธีการจัดการของคุณพ่อคุณแม่ประการหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะเป็นวิธีการที่ไม่ค่อยเข้าท่านัก แต่สำหรับเด็กๆ อีกหลาย ๆ คนที่กำลังรอคอยการแก้ไขและการจัดการจากคุณพ่อคุณแม่คิดว่าคงถึงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสรรหาวิธีการที่ดีเพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับลูกหลานบ้างแล้ว

ทำอย่างไรจึงจะเล่นให้ถูกที่ถูกทาง ถูกกาลเทศะและมีประโยชน์

จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ นั่นคือ เกมคอมพิวเตอร์เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเด็กและเยาวชนไทยอีกทั้งยังแทรกซึมสู่บ้านเรือนนับล้านๆ โดยเกมยอดนิยมคือเกมประเภทต่อสู้ ใช้ความรุนแรง ขณะที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ได้เข้าไปดูแลความเป็นไปอย่างใกล้ชิดเท่าที่ควร จนอาการ “ติดเกม” กลายเป็นสิ่งที่พบได้กับเด็กทั่วไป คุณหมอวินัดดาได้ให้ข้อแนะนำในการ “แก้เกม” เมื่อประสบปัญหาดังกล่าวเอาไว้ดังนี้
1. ตกลงกติกากันให้ชัดเจน พยายามให้ลด หรือเลิก ถ้าลด ให้จัดเวลากันใหม่ลดเวลาเล่นลงทีละน้อย เช่น เดิมเล่นทุกวัน วันละ 3 ชั่วโมง ลดลงดังนี้ สัปดาห์แรก ให้เล่นวันละ 2 ชั่วโมง สัปดาห์ที่ 2 ให้เล่นวันละ 1 ชั่วโมง สัปดาห์ที่ 3 ให้เล่นเฉพาะ เสาร์-อาทิตย์ ไม่เกินวันละ 1 ชั่วโมง ถ้าเลิกเล่นเกมให้จัดกิจกรรมทดแทนเวลาที่เคยเล่นทันที กิจกรรมควรสนุกก่อนให้เด็กเพลิดเพลิน เบนความสนใจไปจากเกม
2. การเอาจริงกับข้อตกลง ด้วยสีหน้า ท่าทาง
3. ตกลงทดลองปฏิบัติเป็นเวลาที่แน่นอน เช่น ทดลองปฏิบัติเป็นเวลา 1 เดือน แล้วกลับมาประเมินผลร่วมกัน หาทางปรับเปลี่ยนแก้ไข
4. กำหนดทางปฏิบัติเมื่อเกิดปัญหาเช่น ถ้าลูกไม่ทำตาม แม่จะทำอะไรจะให้ช่วยอย่างไร 5. มีการบันทึกผลการช่วยเหลือ และนำมาพูดคุยกันเป็นระยะๆ ชมในเรื่องที่ได้ทำไปแล้วได้ผลดี ข้อใดยังทำไม่ได้ ให้กลับมาติดตามงาน
6. ประเมินผลเมื่อครบเวลาที่ตกลงกันไว้
7. ปรับกติกากันใหม่ถ้ามีปัญหาความร่วมมือ หรือทำไม่ได้
8. จูงใจให้อยากเลิกด้วยตนเอง
9. สร้างความสามารถในการควบคุม เสริมทักษะการควบคุมตนเอง
10.จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ ไม่มีสิ่งกระตุ้นเรื่องเกม
11.จัดกิจกรรมให้ใช้เวลาที่เคยเล่นเกม เป็นกิจกรรมที่สนุกอย่างอื่น อย่าปล่อยให้ว่าง

ตัวอย่างเกมส์บนคอมพิวเตอร์






ตัวอย่างเกมส์บนมือถือ ทั้งระบบ Android และ ios







ประโยชน์เเละโทษของการเล่นเกมส์                                                         

    ประโยชน์ของเกมส์
1. เล่นเพื่อความคลายเครียด
2. เล่นเพื่อความสนุกสนาน
    โทษของเกมส์
1. ทำให้เสียเวลาไปโดยสูญเปล่า
2. ไม่มีเวลาให้คนรอบข้าง
3. ทำให้สายตาเสีย
4. ไม่ได้ออกไปพบปะสังคมกับผู้อื่น
5. ทำให้เสียการเรียนได้      
         โทษของเกมส์มีมากกว่าประโยชน์ของเกมส์  เพราะฉะนั่นควรเล่นเกมส์เป็นเวลา เเบ่งเวลาเป็นว่าต้องควรทำอะไร ถ้าเล่นควรเล่นแบบไมให้เดือดร้อยกับคนรอบค้าง เเละเล่นโดยไม่ให้เสียการเรียนเเละควรเเบ่งเวลาเป็น เล่นอยู่ในความดูเเลของผู้ใหญ่
http://www.oknation.net/blog/guidekuzaa/2008/07/07/entry-1
..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/254307



วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ขายส่งสบู่โฮยอน

ขายส่งสบู่โฮยอน ของแท้ ทั้งราคาปลีก-ส่ง
สบู่ที่ขายดีที่สุดในตอนนี้เปิดตัวไม่กี่วันยอดขายกว่า 30,000 ก้อนฟอกแล้วขาวจริงไม่มีไฮเตอร์!!! ไม่มีโซดาไฟ!!! ไม่กัดผิว!!! ไม่แสบไม่คัน!!!! ค่อยๆๆ ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนโดยที่ไม่ทำให้ผิวแห้งกร้าน ยิ่งใช้ผิวยิ่งเกลี้ยงชุ่มชื้น เนียนนุ่ม สะอาดมากกกกก รอยแตกลายจางลงรอยคล้ำรอยดำจุดด่างดำตามตัวก็จางลง
ขี้ไคลกระจุยโดยไม่ ต้องขัดผิวให้เจ็บอีกต่อไป พร้อมเปิดผิวขาวยิ่งใช้คู่กันกับครีมโสมทาผิวหรือสเต็มเซลจะทำให้ผิวขาวไว ยิ่งขึ้น รักมากกกกกเจ้าโฮยอน 

สบู่โฮยอน

          บู่ โฮยอนช่วยปรับผิวให้ขาวกระจ่างใสเนียนนุ่มชุ่มชื้น ควรจะฟอกนานๆ 3 ถึง 5 นาทีเพื่อให้ขี้ไคล หลุดออกได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องถูผิวแรงๆ สารสกัดจากธรรมชาติ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียลดการเกิดสิวที่หลังที่ ใบหน้าได้ ช่วยลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำตามผิว ตามหน้าได้ น้ำเหลืองไม่ดี ขาลาย ผิวไม่สวย รอยยุงกัดสามารถช่วยได้ และยังลดรอยแตกลาย ให้กลับมาผิวดีอีกครั้ง ขจัดสิ่งสกปรกลดการอุดตันตามรูขุมขน ลดสาเหตุการเกิดสิว ระเบิดขี้ไคลได้โดยไม่ต้องถูผิวแรงๆ หรือทำร้ายผิว ฟอกไว้ก็หลุด เผยผิวขาวใส ช่วยให้ผิวกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง

ผลลัพท์ที่ได้ 







ขนาด 80 กรัม 100 บาท

สั่งซื้อติดต่อ โทร 082-7694-384 Line id : Kulwalai12

ราคาเริ่นต้นที่ 1 ก้อน 120.- 

ซื้อ 2 แถม 1 

**************  เรตส่ง  **************

5 ก้อน 80.-

สมุนไพรไทย

สมุนไพร (Herb) และ สมุนไพรไทย (Thai Herb) คือ พืช ผัก และผลไม้ที่ถูกนำมาใช้เป็นยาและสิ่งบำรุงร่างกายมานานนับพันปี โดยที่สมุนไพรเหล่านี้มีทั้งแบบนำผล ใบ ราก เปลือก ยาง เนื้อไม้ เถา หัวและดอก หรือทั้งต้นมาใช้งาน ประโยชน์และสรรพคุณของสมุนไพรไทยเหล่านี้มีทั้งการนำมารับประทานสด การนำมาต้มรับประทานแบบยาแผนโบราณ บางชนิดก็ใช้ทาหรือพอกเพื่อรักษาโรค เป็นต้น
สมุนไพรและสมุนไพรไทยนั้นมีมากมายหลายชนิด เราได้รวบรวมรายชื่อสมุนไพรเหล่านี้พร้อมประโยชน์และสรรพคุณ โดยเรียงตามหมวดอักษรจำนวนกว่า 1,500 ชนิด ดังนี้

รายชื่อสมุนไพรประโยชน์และสรรพคุณ
 กรรณิการ์ให้สีส้มสำหรับทำขนมและย้อมผ้า ช่วยบำรุงผิวหนัง แก้ปวดและเวียนศีรษะ ช่วยลดอาการไข้
 ก้นจ้ำใช้ตำหยอดตาแก้อาการตามัว มีสรรพคุณช่วยรักษาแผลสด แผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวก
 ก้นจ้ำขาวใช้ตำพอกตาแก้อาการตาอักเสบ สามารถนำมาพอกช่วยห้ามเลือดและสมานแผล ทั้งแผลสดและแผลเรื้อรัง ช่วยลดอาการปวดหูและปวดฟัน
 ก้นบึ้งน้อยนิยมนำรากมาต้มดื่ม ช่วยลดอาการไข้และอาการร้อนใน
 กระชายมีประโยชน์ช่วยแก้โรคในปากและคอ แก้อาการโลหิตเป็นพิษและถอนพิษต่างๆ ท้องอืดท้องเฟ้อ เป็นยารักษาริดสีดวงทวารและช่วยขับปัสสาวะ
 กระเจี๊ยบเขียวช่วยลดการดูดซึมไขมัน (ลดความอ้วนได้ดี) มีสารเคลือบกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยบำรุงสายตา บำรุงเลือด และช่วยให้ฟันและกระดูกแข็งแรง
 กระเจี๊ยบแดงมีสรรพคุณแก้ร้อนในกระหายน้ำ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดความเหนียวข้นของเลือด และช่วยขับปัสสาวะ
 กระเทียมหนึ่งในสมุนไพรที่เป็นที่นิยมทั่วโลก ช่วยลดอาการจุกเสียดแน่นอนท้อง ควบคุมระดับไขมันในเส้นเลือด ช่วยรักษาแผลทั้งแผลสดและแผลเรื้อรัง ลดการเกิดลิ่มเลือด ช่วยป้องกันโรคหัวใจ และช่วยยับยั้งการเกิดมะเร็ง
 กระเบาน้ำมีประโยชน์ช่วยรักษาโรคเรื้อน อาการผื่นคันตามผิวหนัง ช่วยฆ่าเชื้อ และรักษาโรคเกี่ยวกับหนังศีรษะ
 กระแตไต่ไม้หนึ่งในสุดยอดสมุนไพรไทยสำหรับรักษาโรคเบาหวาน ช่วยรักษาโรคไต มีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะและรักษาอาการของนิ่ว กำจัดพยาธิ นิยมใช้ใบตำพอกแผลแก้แผลเรื้อรังและแผลพุพอง
 กระดังงาใช้เป็นยาขับลมและบำรุงเลือด ช่วยขับปัสสาวะ มีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคหอบหืดและอาการคันตามผิวหนัง
 กระดังงาไทยเป็นยาบำรุงหัวใจ บำรุงโลหิต บำรุงธาตุ ช่วยแก้ลมวิงเวียน ใช้ทำเครื่องสำอางและน้ำอบ และเป็นยาขับปัสสาวะอีกด้วย
 กระถินมีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตา ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยขับพยาธิ ควบคุมความดันให้ปกติ รักษาอาการท้องร่วง และช่วยสมาแผล
 กระทกรกช่วยบำรุงสมอง คลาดเครียดและอาการซึมเศร้า ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด มีสรรพคุณรักษาอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
 กระท้อนใช้ขับเหงื่อ รักษาโรคผิวหนังจำพวกกลากเกลื้อน เป็นยาขับลมและแก้ท้องเสีย
 กระทือมีสรรพคุณแก้เคล็ดขัดยอก แก้ไข้เรื้อรัง ช่วยเจริญอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และเป็นยาบำรุงกำลัง
 กระบือเจ็ดตัวช่วยขับน้ำคาวปลาหลังคลอดสำหรับสตรีในช่วงอยู่ไฟ ช่วยขับเลือดเสีย
 กระวานช่วยฟอกเลือดและบำรุงร่างกาย รักษาโรคโลหิตเป็นพิษ แก้ลมและลดอาการจุกเสียด รักษาโรครำมะนาด
 กรดน้ำใช้ขับระดูขาว ขับพยาธิ และขับปัสสาวะ ช่วยลดไข้ รักษาโรคเหงือกบวมและปากเปื่อย มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเบาหวาน และช่วยลดอาการท้องเสีย
 แก้ว/ดอกแก้วช่วยขับพยาธิตัวตืด แก้โรคบิด ท้องเสีย แก้ไขข้ออักเสบ และเป็นยาขับประจำเดือน
 กฤษณาเป็นยาบำรุงหัวใจ รักษาโรคปวดข้อ แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ แก้ลมวิงเวียน ช่วยรักษาโรคเรื้อนและโรคผิวหนังได้
 กล้วยไข่ให้พลังงานสูงและทันที มีกากใยมาก ช่วยการทำงานของระบบขับถ่าย ช่วยรักษาโรคโลหิตจางและควบคุมความดันเลือด ช่วยรักษาแผลในลำใส้และรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้สมดุล
 กล้วยน้ำว้ามีประโยชน์ช่วยรักษาโรคกระเพาะ แก้ท้องเสีย เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยแก้โรคบิด รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แก้ริดสีดวง และช่วยขับน้ำนม
 กล้วยหอมมีสรรพคุณช่วยบำรุงสมอง ลดอาการตระคิว รักษาโรคความดันโลหิตสูง แก้อาการท้องผูก ช่วยรักษาแผลในกระเพาะและลำใส้ รักษาอาการเมาค้าง และช่วยลดกลิ่นปาก
 กล้วยหักมุกช่วยแก้ท้องขึ้น ท้องอืดเฟ้อ แก้อาเจียนและช่วยเจริญอาหาร ลดความดันโลหิต ช่วยย่อยอาหารและฆ่าพยาธิ ขับลมในลำไส้ และช่วยลดอาการไข้
 กลิ้งกลางดงมีสรรพคุณช่วยแก้พิษร้อน ดับพิษฝีกาฬซึ่งมีพิษร้ายแรง และยังช่วยแก้ปวดเมื่อยตามข้อต่างๆ
 กวาวเครือขาวช่วยบำรุงฮอร์โมนเพศหญิง ช่วยกระชับช่องคลอด บำรุงเลือดและสมอง ช่วยทำให้ผิวพรรณดี ระบบขับถ่ายทำงานปกติ และช่วยบำรุงสายตา
 กวาวเครือแดงช่วยบำรุงฮอร์โมนเพศชาย บำรุงร่างกาย บำรุงผิวพรรณให้ดีขึ้น ช่วยชะลอความแก่ ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ลดอาการปวดเมื่อยและป้องกันโรคอัลไซเมอร์
 กะเพราเป็นสมุนไพรไทยแก้อาการท้องอืดเฟ้อ แน่จุกเสียดและปวดท้อง รักษาหูด กลากเกลื้อน ต้านเชื้อรา ขับพยาธิ และเป็นยาอายุวัฒนะ
 กะหล่ำปลีมีสรรพคุณช่วยยับยั้งการเกิดมะเร็ง ช่วยขับสารพิษ ช่วยให้ตับทำงานดีขึ้น ช่วยบำรุงสายตา มีใยอาหารสูงช่วยการทำงานของระบบขับถ่าย
 กะหล่ำปลีม่วงอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยป้องกันโรคหวัดและเลือดออกตามไรฟัน  ช่วยต้านการเกิดมะเร็งและชะลอความแก่ ลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย
 กันเกรามีสรรพคุณช่วยบำรุงไขมันในร่างกาย บำรุงธาตุ เป็นยาอายุวัฒนะ รักษาอาการริดสีดวง ช่วยลดไข้ บำรุงม้ามและขับลม
 กานพลูช่วยขับลมและเป็นยาระบาย ช่วยในการขับถ่าย  แก้โรคเหน็บชา แก้หืด ขับเสมหะ ช่วยลดกลิ่นปากและรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน ใช้เป็นยาชาเฉพาะแห่ง แก้ปวดฟัน ฆ่าเชื้อทางทันตกรรม เป็นยาระงับการชักกระตุก ทำให้ผิวหนังชา
 การะเกดลดอาการเจ็บคอ แก้เสมหะ เป็นยาบำรุงช่วยให้ชุ่มชื่น
 กาหลงสมุนไพรโบราณ มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิต แก้อาการปวดหัว ละลายเสมหะและช่วยลดอาการเลือดออกตามไรฟัน
 กาฬพฤกษ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยในการขับถ่าย เป็นยาช่วยให้อาเจียนและถ่ายพิษไข้ได้ดี
 กำลังพญาเสือโคร่งมีสรรพคุณช่วยล้างไต ขับลมในลำไส้ ช่วยบำรุงมดลูกอันเนื่องมาจากการแท้งบุตรให้กลับมาทำงานปกติ ช่วยบำรุงเส้นเอ็นให้แข็งแรง
 กุ่มน้ำช่วยลดไข้และอาการเจ็บคอ ขับเหงื่อ ช่วยรักษาโรคนิ่วและโรคริดสีดวงทวาร
 กุ่มบกมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคผิวหนังจำพวกกลากเกลื้อน แก้ริดสีดวง ขับลม ช่วยกำจัดพยาธิ
 กุยช่ายช่วยขับน้ำนมในสตรีหลังคลอด ช่วยฆ่าเชื้อและช่วยถ่ายพยาธิ มีสรรพคุณรักษาโรคนิ่วและหนองใน
 กุหลาบมอญแก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยบำรุงหัวใจ เป็นยาระบายอ่อนๆ นิยมใช้แต่งกลิ่นยาและเครื่องสำอาง
 เก๋ากี้ช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็ง ลดระดับน้ำตาลในเลือด มีวิตามินซีสูงช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน บำรุงสายตา แก้โรคอัลไซเมอร์ นับได้ว่าเป็นสมุนไพรจีนชั้นเลิศ ถือว่าเป็นยาอายุวัฒนะตัวหนึ่ง
                          สมุนไพร
                        การะเกด… หนึ่งในสมุนไพรไทย : เครดิตภาพ warin.ac.th

งานบริการคอมพิวเตอร์

พื้นฐานคอมพิวเตอร์

            ดังนั้นก่อนที่เราจะเข้าใจถีงการทำงานของคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนต่างๆใน ลำดับต่อๆไป เราจึงควรที่จะมาเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานคอมพิวเตอร์ต่างๆ กันก่อน     ในระยะ 5,000 ปีที่ผ่านมา มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้นิ้วมือและนิ้วเท้าของตนเพื่อช่วยในการคำนวณ และพัฒนา มาใช้อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ลูกหิน ใช้เชือกร้อยลูกหินคล้ายลูกคิด     ต่อมาประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการ คำนวณขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลูกคิด ซึ่งถือได้ว่า เป็นอุปกรณ์ใช้ช่วยการคำนวณที่เก่าแก่ที่สุดในโลกและคงยังใช้งานมาจนถึง ปัจจุบัน     พ.ศ. 2158 นักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ชื่อ John Napier ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ใช้ ช่วยการคำนวณขึ้นมา เรียกว่าNapier's Bones เป็นอุปกรณ์ที่ลักษณะคล้ายกับตารางสูตรคูณในปัจจุบัน เครื่องมือชนิดนี้ช่วยให้ สามารถ ทำการคูณและหาร ได้ง่ายเหมือนกับทำการบวก หรือลบโดยตรง     พ.ศ 2185 นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศลชื่อ Blaise Pascal ซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียง 19 ปี ได้ออกแบบ เครื่องมือในการคำนวณโดย ใช้หลักการหมุนของฟันเฟืองหนึ่งอันถูกหมุนครบ รอบ ฟันเฟืองอีกอันหนึ่งซึ่งอยู่ ทางด้านซ้ายจะถูกหมุนไปด้วยในเศษ ส่วน 10 รอบ เครื่องมือของปาสคาลนี้ถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะชน เมื่อ พ.ศ. 2188 แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากราคาแพง และเมื่อใช้งานจริงจะเกิดเหตุการณ์ที่ฟันเฟืองติดขัดบ่อยๆ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ค่อยถูกต้องตรงความเป็นจริง     เครื่องมือของปาสคาล สามารถใช้ได้ดีในการคำนวณการบวกและลบ ส่วนการคูณและหารยังไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นในปี พ.ศ. 2216 นักปราชญษชาวเยอรมันชื่อ Gottfriend von Leibnitz ได้ปรับปรุงเครื่งคำนวณของ ปาสคาลให้สามารถทหการคูณและหารได้โดยตรง โดยที่การคูณใช้หลักการบวกกันหลายๆ ครั้ง และการหาร ก็คือการลบกันหลายๆ ครั้ง แต่เครื่องมือของ Leibnitz ยังคงอาศัยการหมุนวงล้อ ของเครื่องเองอัตโนมัติ นับว่า เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่ดูยุ่งยากกลับเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น     พ.ศ. 2344 นักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศลชื่อ Joseph Marie Jacquard ได้พยายามพัฒนาเครื่องทอผ้าโดยใช้ บัตรเจาะรูในการบันทึกคำสั่ง ควบคุมเครื่องทอผ้าให้ทำตามแบบที่กำหนดไว้ และแบบดังกล่าวสามารถนำมา สร้างซ้ำๆ ได้อีกหลายครั้ง ความพยายามของ Jacquard สำเร็จลงใน พ.ศ. 2348 เครื่องทอผ้านี้ถือว่าเป็น เครื่องทำงานตามโปรแกรมคำสั่งเป็นเครื่องแรก      พ.ศ. 2373 Chales Babbage ถือกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2334 จบการศึกษาทางด้านคณิตศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ และได้รับตำแหน่ง Lucasian Professor ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ Isaac Newton เคยได้รับมาก่อน ในขณะที่กำลังศึกษาอยู่นั้น Babbage ได้สร้างเครื่อง หาผลต่าง (Difference Engine) ซึ่งเป็นเครื่องที่ใช้คำนวณ และพิมพ์ตารางทางคณิศาสตร์อย่างอัตโนมัติ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2373 เขาได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลอังกฤษเพื่อสร้างเครื่อง Difference Engine ขึ้นมาจริงๆ แต่ในขณะที่ Babbage ทำการสร้างเครื่อง Difference Engine อยู่นั้น ได้พัฒนาความคิดไปถึง เครื่องมือในการคำนวนที่มีความสามารถสูงกว่านี้ ซึ่งก็คอืเครื่องที่เรียกว่าเครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) และได้ยกเลิกโครงการสร้างเครื่อง Difference Engine ลงแล้วเริ่มต้นงานใหม่ คือ งานสร้างเครื่องวิเคราะห์ ในความคิดของเขา โดยที่เครื่องดังกล่าวประกอบไปด้วยชิ้นส่วนที่สำคัญ ส่วน คือ     พ.ศ. 2385 ชาวอังกฤษ ชื่อ Lady Auqusta Ada Byron ได้ทำการแปลเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่อง Anatical Engine จากภาษาฝรั่งเศลเป็นภาษาอังกฤษ ในระหว่างการแปลทำให้ Lady Ada เข้าใจถึงหลักการทำงาน ของเครื่อง Analytical Engine และได้เขียนรายละเอียดขั้นตอนของคำสั่งให้เครื่องนี้ทำการคำนวณที่ยุ่งยาก ซับซ้อนไว้ในหนังสือทางคณิตศาสตร์เล่มหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์โปรแกรมแรกของโลก และจากจุดนี้จึงถือว่า Lady Ada เป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก (มีภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรมที่เก่แก่ อยู่หนึ่งภาษาคือภาษา Ada มาจาก ชื่อของ Lady Ada) นอกจากนี้ Lady Ada ยังค้นพบอีกว่าชุดบัตรเจาะรู ที่บรรจุคำสั่งไว้สามารถนำกลับมาทำงานซ้ำได้ถ้าต้องการ นั่นคือหลักของการทำงานวนซ้ำ หรือเรียกว่า Loop เครื่องมือที่ใช้ในการคำนวณที่ถูกพัฒนาขึ้นในศตวรรษที่ 19 นั้น ทำงานกับเลขฐานสิบ (Decimal Number) แต่เมื่อเริ่มต้นของศตวรรษที่ 20 ระบบคอมพิวเตอร์ได้ถูกพัฒนาขึ้นจึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงมาใช้ เลขฐานสอง (Binary Number) กับระบบคอมพิวเตอร์ ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากหลักของพีชคณิต      พ.ศ. 2397 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ George Boole ได้ใช้หลักพีชคณิตเผยแพร่กฎของ Boolean Algebra ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ที่ใช้อธิบายเหตุผลของตรรกวิทยาที่ตัวแปรมีค่าได้เพียง "จริง" หรือ "เท็จ" เท่านั้น (ใช้สภาวะเพียงสองอย่างคือกับ ร่วมกับเครื่องหมายในเชิงตรรกพื้นฐาน คือ AND, OR และ NOT)     สิ่งที่ George Boole คิดค้นขึ้น นับว่ามีประโยชน์ต่อระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็น การยากที่จะใช้กระแสไฟฟ้า ซึ่งมีเพี่ยง สภาวะ คือ เปิด กับ ปิด ในการแทน เลขฐานสิบซึ่งมีอยู่ถึง 10 ตัว คือ ถึง แต่เป็นการง่ายกว่าเราแทนด้วยเลขฐานสอง คือ กับ จึงถือว่าสิ่งนี้เป็นรากฐานที่สำคัญของการ ออกแบบวงจรระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน      พ.ศ. 2423 Dr. Herman Hollerith นักสถิติชาวอเมริกันได้ประดิษฐ์เครื่องประมวลผลทางสถิติซึ่ง ใช้กับบัตรเจาะรู เครื่องนี้ได้รับการพัฒนา ให้ดียิ่งขึ้นและมาใช้งานสำรวจสำมะโนประชากร ของสหรัฐอเมริกา ในป พ.ศ. 2433 และช่วยให้การสรุปผลสำมะโนประชากรเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 2 ปีครึ่ง (โดยก่อนหน้านั้นต้องใช้เวลาถึง ปีครึ่ง) เรียกบัตรเจาะรูนี้ว่า บัตรฮอลเลอริธ และชื่ออื่นๆ ที่ใช้เรียกบัตรนี้ ก็คือ บัตร ไอบีเอ็ม หรือบัตร 80 คอลัมน์ เพราะผู้ผลิตคือ บริษัท IBMการกำเนิดของเครื่องคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์     เครื่องมือทั้งหลายที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาในยุคก่อนนั้นส่วนมากประกอบด้วยฟันเฟือง รอก คาน ซึ่งเป็นวัสดุ ที่มีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักมากทำให้การทำงานล่าช้าและผิดพลาดอยู่เสมอ ดังนั้นในยุคต่อมาจึงพยายาม พัฒนาเครื่องมือ ให้มีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ดังนี้     พ.ศ. 2480 ศาสตราจารย์ Howard Aiken แห่งมหาลัยวิทยาลัยฮาวาร์ด ได้พัฒนาเครื่องคำนวณ ตาม แนวคิด ของ Babbageร่วมกับวิศวะกรของบริษัท IBM สร้างเครื่องคำนวณตามความคิดของ Babbage ได้ สำเร็จ โดยเครื่องดังกล่าวทำงานแบบเครื่องจักรกลปนไฟฟ้า และใช้บัตรเจาะรูเป็นสื่อในการนำเข้าข้อมูลสู่ เครื่องเพื่อทำการประมวลผล การพัฒนาดังกล่าวมาเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2487 โดยเครื่องมือนี้มีชื่อว่า MARK 1 และเนื่องจากเครื่องนี้สำเร็จได้จากการสนับสนุน ด้านการเงินและบุคลากรจากบริษัท IBM ดังนั้นจึงมีอีกชื่อ หนึ่งว่า IBM Automatic Sequence Controlled Calculator และนับเป็นเครื่องคำนวณแบบอัตโนมัติเครื่องแรกของโลก     พ.ศ. 2486 ซึ่งเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ศูนย์วิจัยของกองทัพบกสหรัฐอเมริกามีความจำเป็นที่จะต้อง คิดค้นเครื่องช่วยคำนวณ เพื่อใช้คำนวณหาทิศทางและระยะทางในการส่งขีปนาวุธ ซึ่งถ้าใช้เครื่องคำนวณที่มี อยู่ในสมัยนั้นจะต้องใช้เวลาถึง 12 ชั่วโมงในการคำนวณ การยิง ครั้ง ดังนั้นกองทัพจึงให้กองทุนอุดหนุนแก่ John W. Mauchly และ Persper Eckert จากหมาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ในการสร้างคอมพิวเตอร์ จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมา โดยนำหลอดสุญยากาศ (Vacuum Tube) จำนวน 18,000 หลอด มาใช้ในการสร้าง ซึ่งมีข้อดีคือ ทำให้เครื่องมีความเร็ว และมีความถูกต้องแม่นยำในการคำนวณมากขึ้น ในด้านของความเร็วนั้น เครื่องจักกลมีความเฉื่อยของการเคลื่อนที่ของชิ้นส่วนประกอบ แต่คอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ จะใช้อิเล็กตรอนเป็นตัวคลื่อนที่ ทำให้สามารถส่งข้อมูลด้วยกระแสไฟฟ้าได้ ด้วยความเร็วใกล้เคียงกับความเร็วของแสง ส่วนความถูกต้องแม่นยำในการทำงานของเครื่องจักรกลอาศัยฟันเฟือง รอก คาน ในการทำงาน ทำให้ทำงานได้ช้า และเเกิดความผิดพลดได้ง่าย      พ.ศ. 2489 เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ Mauchly และ Eckert คิดค้นขึ้นได้มีชื่อว่า ENIAC ย่อมาจาก (Electronic Numberical Integrater and Caculator) ประสบความสำเร็จในปี พ.ศ. 2489 ถึงแม้ว่าจะไม่ทันใช้ในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ความเร็วในการตำนวณของ ENIAC ทำให้วงการคอมพิวเตอร์ขณะนั้น ยอมรับความสามารถของเครื่องคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ แต่อย่างไรก็ตาม ENIAC ทำงานด้วยไฟฟ้าทั้งหมดทำให้ในการทำงานแต่ละครั้งจึงทำให้เกิดความร้อนสูงมาก จำเป็นต้องติดตั้งไว้ในห้องที่มีเครือ่งปรับอากาศด้วย นอกจากนี้ ENIAC ยังเก็บได้เฉพาะข้อมูลที่เป็นตัวเลขขนาด 10 หลัก และเก็บได้เพียง 20 จำนวน เท่านั้น ส่วนชุดคำสั่งนั้น ยังไม่สามารถเก็บไว้ในเครื่องได้ การส่งชุดคำสั่งเข้าเครื่องจะต้องใช้วิธีการเดินสายไฟสร้างวงจร ถ้ามีการแก้ไขโปรแกรม ก็ต้องมีการเดินสายไฟกันใหม่ ซึ่งใช้เวลาเป็นวัน      ความคิดต่อมาในการพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ดีขึ้นก็คือ การค้นหาวิธีการเก็บโปรแกรมไว้ในเครื่อง เพื่อลดความยุ่งยาก ของขั้นตอนการป้อนคำสั่งเข้าเครื่อง มีนักคณิตศาสตร์เชื้อสายฮังการเรียนชื่อ Dr.John Von Neumann ได้พบวิธีการเก็บโปรแกรมไว้ ในหน่วยความจำของเครื่องเช่นเดียวกับการเก็บข้อมูลและต่อวงจรไฟฟ้า สำหรับการคำนวณ และการปฏิบัติการพื้นฐาน ไว้ให้เรียบร้อยภายในเครื่อง แล้วเรียกวงจรเหล่านี้ด้วยรหัสตัวเลขที่กำหนดไว้ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นตามแนวความคิดนี้ได้แก่ EVAC (Electronic Ddiscreate Variable Automatic Computer) ซึ่งสร้างเสร็จใน พ.ศ. 2492และนำมาใช้งานจริงในปี พ.ศ. 2494 และในเวลาใกล้เคียงกัน ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดส์ ประเทศอังกฤษ ได้มีการสร้างคอมพิวเตอร์มีลักษณะคล้ายกับเครื่อง EVAC และให้ชื่อว่า EDSAC (Electronic Delay Strorage Automatic Caculator)คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หลอดสูญญากาศ (Vacuum tube) เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องยังมีขนาดใหญ่มาก ใช้กระแสไฟฟ้าจำนวนมาก ทำให้เครื่องมีความร้อนสูงจึงมักเกิดข้อผิดพลาดง่าย คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ได้แก่ UNIVAC I , IBM 600คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้ทรานซิสเตอร์ (Transistor) เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และใช้วงแหวนแม่เหล็กเป็นหน่วยความจำ คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กกว่ายุคแรก ต้นทุนต่ำกว่า ใช้กระแสไฟฟ้าและมีความแม่นยำมากกว่าคอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้วงจรไอซี (Integrated Circuit) เป็นสารกึ่งตัวนำที่สามารถบรรจุวงจรทางตรรกะไว้แล้วพิมพ์บนแผ่นซิลิกอ น(Silicon) เรียกว่า "ชิป"คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้วงจร LSI (Large-Scale Integrated Ciruit) เป็นการรวมวงจรไอซีจำนวนมากลงในแผ่นซิลิกอนชิป 1แผ่น สามารถบรรจุได้มากกว่า ล้านวงจร ด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้ทำให้เกิดแนวคิดในการบรรจุวงจรที่สำคัญสำหรับการทำงาน พื้นฐานของคอมพิวเตอร์นั่นคือ CPU ลงชิปตัวเดียว เรียกว่า "ไมโครโปรเชสเซอร์"คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้วงจร VLSI (Very Large-Scale Integrated Ciruit) เป็นการพัฒนาไมโครโปรเซสเซอร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อก่อนนั้น Intel เป็นบริษัทผลิตชิปไอซี แห่งหนึ่งที่ไม่ใหญ่โตมากนักเท่าในปัจจุบัน เมื่อปี ค.ศ.1969 ได้สร้างความสะเทือน ให้กับวงการอิเล็คทรอนิคส์ โดยการออกชิปหน่วยความจำ(Memory)ขนาด 1 Kbyte มาเป็นรายแรกบริษัทบิสซิคอมพ์(Busicomp) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องคิดเลขของญี่ปุ่ญได้ทำการว่าจ้างให้ Intel ทำการผลิตชิปไอซี ที่บิสซิคอมพ์เป็นคนออกแบบเองที่มีจำนวน 12 ตัว โครงการนี้ถูกมอบหมายให้นาย M.E. Hoff, Jr. ซึ่งเข้าตัดสินใจที่จะใช้วิธีการออกแบบชิปแบบใหม่ โดยสร้างชิปที่ให้ถูกโปรแกรมได้ หมายถึงว่า สามารถนำเอาชุดคำสั่งของการคำนวณไปเก็บไว้ใน หน่วยความจำก่อนแล้วให้ไอซีตัวนี้อ่านเข้ามาแปล ความหมาย และทำงานภายหลังในปี 1971 Intel ได้นำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า Intel 4004 ในราคา 200 เหรียญสหรัฐ และเรียกชิปนี้ว่าเป็น ไมโครโปรเซสเซอร์(Micro Processor) ก็เพราะว่า 4004 นี้เป็น CPU (Central Processing Unit) ตัวหนึ่ง ซึ่งมีขนาด 4.2 X 3.2 มิลลิเมตร ภายในประกอบด้วย ทรานซิสเตอร์ จำนวน 2250 ตัว และเป็น ไมโครโปรเซสเซอร์ขนาด บิตหลังจาก ปีต่อมา Intel ได้ออก ไมโครโปรเซสเซอร์ ขนาด บิตออกมาโดยใช้ชื่อว่า 8008 มีชุดคำสั่ง 48 คำสั่ง และอ้างหน่วยความจำได้ 16 Kbyte ซึ่งทาง Intel หวังว่าจะเป็นตัวกระตุ้นตลาดทางด้านชิปหน่วยความจำได้อีกทางหนึ่งเมื่อปี 1973 ทาง Intel ได้ออก ไมโครโปรเซสเซอร์ 8080 ที่มีชุดคำสั่งพื้นฐาน 74 คำสั่งและสามารถอ้างหน่วยความจำได้ 64 Kbyteเมื่อปี 1975 มีนิตยสารต่างประเทศฉบับหนึ่ง ชื่อว่า Popular Electronics ฉบับเดือน มกราคม ได้ลงบทความ เกี่ยวกับเครื่อง ไมโครโปรเซสเซอร์ เครื่องแรกของโลกที่มีชื่อว่า อัลแตร์ 8800 (Altair) ซึ่งทำออกมาเป็นชุดคิท โดยบริษัท MITS (Micro Insumentation And Telemetry Systems) ลักษณะของชุดคิท ก็คือ จะอยู่ในรูปของอุปกรณ์แต่ละชิ้นโดยให้ คุณนำไปประกอบขึ้นใช้เองเมื่อเดือน พฤศจิกายนปี 1974 ได้มี วิศวกรของ Intel บางคนได้ออกมาตั้งบริษัทผลิตชิปเอง โดยมีชื่อว่า ไซล๊อก (Zilog)เนื่องจาก วิศวกรเหล่านี้ ได้มีส่วนร่ามในการผลิตชิป 8080 ด้วยจึงได้นำเอาเทคโนโลยีการผลิดนี้มาสร้างตัวใหม่ที่ดีกว่า มีชื่อว่า Z80 ยังคงเป็น ชิปขนาด บิต เมื่อได้ออกสู่ตลาดได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้ปรับปรุงข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่มีอยู่ใน 8080 จึงทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ หลายต่อหลายยี่ห้อ หันมาใช้ชิป Z80 กัน แม้แต่ซีพีเอ็ม ก็ยังถูกปรับปรุงให้มาใช้กับ Z80 นี้ด้วย *** แม้ในปัจุบันนี้ Z80 ยังคงถูกใช้งาน และนำไปใช้ ในการเรียนการสอน ไมโครโปรเซสเซอร์ ด้วย เช่น ชุดคิดหรือ Single Board Microcomputer ของ ETT, Sila เป็นต้น และ IC ตัวนี้ยังผลิตขาย อยู่ในปัจจุบัน ในราคา ไม่เกิน 100 บาท น่ะจะบอกให้)ในปี 1975 ไอพีเอ็ม ได้ออกเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่องแรกออกมา แต่ทางไอบีเอ็มได้เรียกเครื่องนี้ว่าเป็น เทอร์มินัลแบบชาญฉลาด ที่สามารถโปรแกรมได้ (Intelligent Programmable Terminal) และตั้งชื่อรุ่นว่า Model 5100 มีหน่วยความจำ16 Kbyte แล้วยังมีตัวแปลภาษาเบสิก แบบอินเตอร์พรีทเตอร์ (Interpreter) ด้วย และมี ไดรฟ์สำหรับใส่คาร์ทิดจ์เทปในตัว แต่ก็ยังขายไม่ดีเอามาก ๆ เลย เพราะว่าตั้งราคาไว้สูงมากถึง 9,000 เหรียญสหัฐในปี 1976 หลังจาก Stephen Wozniak และ Steve Jobs ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์ (Apple Computer) และได้นำเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่องแรกที่ประดิษฐ์จากโรงรถออกมาขายโดยใช้ชื่อว่า Apple I ในราคา 695 เหรียญ บริษัทแอปเปิลได้ผลิตเครื่อง Apple I ออกมาไม่มากนัก ภายในปีเดียวได้ผลิต Apple II ออกมา และรุ่นนี้เป็นรุ่นเปิดศักราชแห่งวงการไมโครคอมพิวเตอร์ และเป็นการสร้างมาตรฐาน ที่ไมโครคอมพิวเตอร์ ที่เกิดมาตามหลังทั้งหมดต้องทำตาม

ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก เด็กเล็กๆเดี๋ยวนี้ตาม ร.ร. เขาก็มีสอนพื้นฐานการใช้คอมพิวเตอร์กันแล้ว ผู้สูงอายุบางรายก็อาจะต้องหัดใช้งานให้เป็น เพื่อจะได้ร่วมพูดคุยหรือสื่อสารกับลูกหลานได้อย่างเข้าใจและนำมใช้ให้เกิด ประโยชน์ น.ร. - น.ศ. ที่กำลังอยู่ในวัยเรียนรู้หรือผู้ที่ทำงานแล้วจำเป็นต้องเพิ่มพูนทักษะและ ประสบการณ์ไม่เฉพาะแค้กับการใช้งานเท่านั้น หากแต่ยังรวมไปถึงการแก้ไขปัญหาและดูแลรักษาเครื่องให้เป็นด้วยส่วนผู้ที่ศึกษามาทางด้านนี้โดยตรงหรือสนใจใน ต้องฝึกฝนทักษะและเรียนรู้สิ่งต่างๆเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ให้รอบด้านทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
   
          ดังนั้นก่อนที่เราจะเข้าใจถีงการทำงานของคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนต่างๆใน ลำดับต่อๆไป เราจึงควรที่จะมาเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานคอมพิวเตอร์ต่างๆ กันก่อน

- ประวัติศาสตร์ของคอมพิวเตอร์ 
      คอมพิวเตอร์ในยุคเริ่มแรก ได้แก่ เครื่องจักรกลหรือสิ่งประดิษฐ์ขึ้นเพื่อช่วยในการ คำนวณ โดยที่ยังไม่มีการ นำวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เข้ามาใช้ประโยชน์ร่วมด้วย ลำดับเครื่องมือขึ้นมามีดังนี้
1.               ส่วนเก็บข้อมูล เป็นส่วนที่ใช้ในการเก็บข้อมูลนำเข้าและผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณ
2.               ส่วนประมวลผล เป็นส่วนที่ใช้ในการประมวลผลทางคณิตศาสตร์
3.               ส่วนควบคุม เป็นส่วนที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างส่วนเก็บข้อมูล และส่วนประมวลผล
4.               ส่วนรับข้อมูลเข้าและแสดงผลลัพธ์ เป็นส่วนที่ใช้รับทราบข้อมูลจากภายนอกเครื่องเข้าสู่ส่วนเก็บ และแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณให้ผู้ใช้ได้รับทราบ
     เป็นที่น่าสังเกตว่าส่วนประกอบต่างๆ ของเครื่อง Alaytical Engine มีลักษณะใกล้เคียงกับส่วนประกอบ ของระบบคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบัน แต่น่าเสียดายที่เครื่อง Alalytical Engine ของ Babbage นั้นไม่สามารถ สร้างให้สำเร็จขึ้นมาได้ ทั้งนี้เนื่องจากเทคโนโลยี สมัยนั้นไม่สามารถสร้างส่วนประกอบต่างๆ ดังกล่าว และอีกประการหนึ่งก็คือ สมัยนั้นไม่มีความจำเป็น ต้องใช้เครื่องที่มีความสามารถสูงขนาดนั้น ดังนั้นรัฐบาล อังกฤษจึงหยุดให้ความสนับสนุนโครงการของ Babbageในปี พ.ศ. 2385 ทำให้ไม่มีทุนที่จะทำการวิจัยต่อไป สืบเนื่องจากมาจากแนวความคิดของ Analytical Engine เช่นนี้จึงทำให้Charles Babbage ได้รับการยกย่อง ให้เป็น บิดาของเครื่องคอมพิวเตอร์
เครื่องคอมพิวเตอร์ในแต่ละยุค
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 (พ.ศ. 2497-2501)
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 (พ.ศ. 2502-2507)
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 (พ.ศ. 2508-2513)
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 (พ.ศ. 2514-2523)
คอมพิวเตอร์ยคุที่ 5 (พ.ศ. 2524-ปัจจุบัน) 
ก่อกำเนิด ไมโครโปรเซสเซอร์
ไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่องแรกของโลก
บริษัท MITS ถูกก่อตั้งเมื่อปี 1969 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำตลาดในด้านเครื่องคิดเลข แต่การค้าชลอตัวลง ประธานบริษัท ชื่อ H. Edword Roberts เห็นการไกล คิดเปิดตลาดใหม่ซึ่งจะขายชุดคิด คอมพิวเตอร์ ประมาณเอาไว้ว่าอาจขาย ได้ในจำนวนปีล่ะประมาณ 200-300 ชุด จึงให้ทิมงานออกแบบบและพัฒนาแล้วเสร็จก่อนถึงคริสต์มาส ในปี 1974 แต่เพิ่งมา ประกาศตัวในปีถัดไป สำหรับ CPU ที่ใช้คือ 8080 และคำว่า ไมโครคอมพิวเตอร์ จึงถูกเรียกใช้เป็นครั้งแรกเพื่อชุดคิทคอมพิวเตอร์ชุดนี้
ชุดคิทของ อัลแตร์ นี้ประกอบด้วย ไมโครโปรเซสเซอร์ 8080 ของบริษัท Intel มี เพาเวอร์ซัพพลาย มีแผงหน้าปัดที่ติดหลอดไฟ เป็นแถวมาให้เพื่อแสดงผล รวมถึงหน่วยความจำ 256 Byte ( แหม.. เหมือนของเล่นเราในสมัยนี้ จังงง ) นอกนั้น ยังมี สล๊อต (Slot) ให้เสียบอุปกร์อื่น ๆ เพิ่มได้ แต่ก็ทำให้ MITS ต้องผิดคาด คือ ภายใน เดือนเดียว มีจดหมายส่งเข้ามาขอสั่งซื้อเป็นจำนวนถึง 4,000 ชุดเลยทีเดียว
ด้วยชิป 8080 นี่เองได้เป็นแรงดลใจให้บริษัท ดิจิตอลรีเสิร์ช (Digital Research) กำเนิดระบบปฏิบัติการ(Operating System)ที่ชื่อว่า ซีพีเอ็ม(CP/M หรือ Control Program For Microcomputer) ขึ้นมา ในขณะที่ Microsoft ยังเพิ่งออก Microsoft Basicรุ่นแรกเองน่ะ
ยุค Z80
Computer เครื่องแรกของ IBM
ในปลายปี 1980 บริษัทไอบีเอ็มได้เกิดแผนกเล็ก ๆ ขึ้นมาแผนกหนึ่งเรียกว่า Entry Systems Division ภายใต้ทีมของคนชื่อว่า ดอน เอสทริดจ์ (Don Estridge) และนักออกแบบอีก 12 คน โดยได้รับมอบหมายให้พัฒนาเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของไอบีเอ็มโมเด็ล 5100 นั้นเอง โดยนำเอาจุดเด่นของเครื่อง ที่ขายดีมารวมไว้ในการออกแบบเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ของไอบีเอ็ม และผลิตจำหน่ายได้ภายในปีเดียวภายใต้ชื่อว่า ไอบีเอ็มพีซี (IBM PC) ซึ่งถูกเปิดตัวในเดือน สิหาคม ปี 1981 และยอดขายของเครื่องพีซีก็ได้พุ่งอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทอื่น ๆ จับตามอง
กำเนิด แอปเปิ้ล


credit : http://witcom.8k.com/Into_com.html